การเคลื่อนไหว #MeToo และ Time's Up ส่งผลกระทบต่ออาชีพของชนชั้นสูงในฮอลลีวูดหลายคน และเบ็นและเคซีย์ แอฟเฟล็กก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์
พี่น้องและทั้งคู่ต่างตกเป็นเหยื่อของการปฏิบัติต่อผู้หญิงตลอดอาชีพการงานของตน เบ็น, 45, ขอโทษ หลังนางเอกสาว ฮิลารี เบอร์ตัน อ้าง แอฟเฟล็กคลำหาเธอในปี 2546 เมื่อเธอเป็นพิธีกรรายการ MTV TRL และสองคดีล่วงละเมิดทางเพศ ถูกฟ้อง Casey, 42 โดยผู้หญิงสองคนในปี 2010
อย่างไรก็ตาม ทิโมธี แอฟเฟล็ค พ่อของเด็กชาย กลับมองข้ามข่าวลือนี้ไป “มันไม่สนใจฉัน พวกเขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาทั้งใจดีและเป็นคนดี พวกเขาปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างดี ฉันสามารถรับประกันได้ว่า หลังจาก 40 ปีแปลก ๆ คุณรู้จักลูก ๆ ของคุณ” เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้กับ กราเซีย.
Timothy นักสังคมสงเคราะห์ที่เล่นบทเล็กๆ ในภาพยนตร์ที่นำโดย Joaquin Phoenix ของลูกชายคนสุดท้อง ฉันยังอยู่ที่นี่ฮอลลีวู้ดได้ "รับผล" ต่อทั้งลูกชายของเขาและส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ของลูกคนโตของเขาด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง
เครดิต: รูปภาพ Todd Williamson / Getty สำหรับ Amazon
“ฮอลลีวูดเป็นสถานที่น่าขยะแขยง” เขาเริ่ม “ฉันคิดว่านั่นเป็นปัจจัยสำคัญในการดื่มของเบ็น คุณถูกบังคับให้พัฒนาบุคลิกที่ยากจะกำจัดและกลับบ้านไปหาครอบครัวของคุณ มันส่งผลกระทบต่อทั้งชีวิตของคุณ ฉันคิดว่านั่นเป็นหนึ่งในอันตรายของอุตสาหกรรมภาพยนตร์”
ที่เกี่ยวข้อง: Casey Affleck จะไม่มอบรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมที่ออสการ์อีกต่อไป
“ฉันเป็นคนติดสุราเรื้อรังมาหลายปีแล้ว ฉันต้องฟื้นตัวและฉันก็มีความสุข” ผู้เฒ่าของแอฟเฟล็คกล่าว “เบ็นจริงจังกับการมีสติอยู่เสมอ ไม่มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขาต้องการชีวิตที่สมดุลและเขากำลังทำงานอยู่”
นอกจากโรคพิษสุราเรื้อรังของเบ็นแล้ว ทิโมธีเชื่อว่าอุตสาหกรรมนี้มีส่วนรับผิดชอบต่อการล่มสลายของการแต่งงานของลูกชายกับเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ “มันยากมากที่จะสร้างสมดุลให้ชีวิตครอบครัวท่ามกลางดาราดังระดับโลก มันเป็นชีวิตที่ยากลำบากและต้องเสียภาษี”
ดังที่กล่าวไปแล้ว พ่อลูกสองไม่คิดว่าการหย่าร้างเป็นสิ่งที่เบ็นและสื่อไม่ควรพูดถึง “ในโลกนอกวงการบันเทิง การแต่งงานสิ้นสุดลงตลอดเวลา มันเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนน้ำล้างจาน ไม่มีอะไรต้องกังวล”